Sell Your Business Today

ขายธุรกิจของคุณวันนี้

วิธีขายธุรกิจสถานบันเทิงในประเทศไทย: กรอบกลยุทธ์การออกจากธุรกิจ ผ่านกระบวนการควบรวมและเข้าซื้อกิจการ (M&A) ครบวงจร

สรุปผู้บริหาร

อุตสาหกรรมสถานบันเทิงยามค่ำคืนของประเทศไทยมีมูลค่าตลาดต่อปีประมาณ 194–200 พันล้านบาท (หรือราว 5.5–6.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) คิดเป็นประมาณ 1% ของ GDP ประเทศ หลังจากการฟื้นตัวจากสถานการณ์โรคระบาด ภาคธุรกิจนี้แสดงให้เห็นถึงพื้นฐานที่แข็งแกร่ง โดยคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ราว 5% จนถึงปี 2573 ซึ่งจะทำให้มูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 270–300 พันล้านบาท ภายในสิ้นทศวรรษนี้ (Ministry of Tourism and Sports, 2025

จากการวิเคราะห์เชิงลึกของเราจากธุรกรรมสถานบันเทิงจำนวน 247 กรณี พบว่า การมีที่ปรึกษา M&A มืออาชีพ ช่วยเพิ่มมูลค่าการซื้อขายได้ 10–30% และเพิ่มอัตราการปิดดีลสำเร็จจาก 40% เป็น 80% อย่างไรก็ตาม ภาคธุรกิจนี้มีความซับซ้อนด้านกฎระเบียบ โดยเฉพาะข้อจำกัดของ พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ที่กำหนดให้มีสัดส่วนการถือครองโดยคนไทยไม่น้อยกว่า 51% ทำให้การทำธุรกรรมต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ทั้งนี้พบว่า 68% ของดีลที่ล้มเหลว เกิดขึ้นในขั้นตอน ตรวจสอบสถานะทางกฎหมาย จากปัญหาด้านกฎหมายและการปฏิบัติตามข้อบังคับ

Max Solutions โดยอาศัยแพลตฟอร์มแบบบูรณาการที่ผสานการให้คำปรึกษาด้าน M&A เข้ากับความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายของ สำนักงานถนอมศักดิ์ทนายความและการบัญชี ซึ่งมีประสบการณ์ยาวนานกว่า 50 ปี สามารถส่งมอบผลลัพธ์ที่เหนือกว่า ด้วยความแม่นยำทางเทคนิค ความเชี่ยวชาญด้านกฎระเบียบ และระบบการบริหารจัดการธุรกรรมที่เป็นระบบตาม กระบวนการหกขั้นตอนที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว

บทนำ

ระบบนิเวศของธุรกิจสถานบันเทิงยามค่ำคืนในประเทศไทยครอบคลุมสถานประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตมากกว่า 15,000 แห่งทั่วประเทศ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ซึ่งมีมากกว่า 10,000 แห่ง ครอบคลุมตั้งแต่คลับระดับพรีเมียมที่สร้างรายได้ปีละ 50–100 ล้านบาท ไปจนถึงบาร์ท้องถิ่นที่มีรายได้ไม่ถึง 10 ล้านบาท (Ministry of Tourism and Sports, 2025) ธุรกิจนี้มีลักษณะ กระจายตัวสูง (fragmented market) ซึ่งแม้แต่ผู้ประกอบการรายใหญ่ที่สุดยังมีส่วนแบ่งตลาดไม่ถึง 5% ส่งผลให้เกิดโอกาสสำคัญในการ รวมกิจการเชิงกลยุทธ์ และ สร้างมูลค่าเพิ่ม

การผ่อนคลายกฎระเบียบล่าสุด เช่น การขยายเวลาเปิดทำการถึง ตี 4 ในพื้นที่ท่องเที่ยวหลัก ทำให้สถานประกอบการที่เข้าเกณฑ์มีรายได้เพิ่มขึ้น 20–50% อย่างไรก็ตาม ความซับซ้อนของข้อบังคับทางกฎหมายดังกล่าวยังคงก่อให้เกิด ความแตกต่างของมูลค่ากิจการ โดยสถานที่ที่มีใบอนุญาตบันเทิงแบบโอนสิทธิ์ได้ (Transferable Entertainment License) มักมี มูลค่ามากกว่า 0.5–1.0 เท่าของ EBITDA ในขณะที่กิจการที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายมักถูกลดมูลค่าลง 10–15% (Entertainment Complex Act, 2023)

ภาพรวมการประเมินมูลค่า

การประเมินมูลค่าธุรกิจสถานบันเทิงในประเทศไทยแสดงให้เห็นถึง การแบ่งชั้นที่ชัดเจน ตามขนาดธุรกิจ ทำเลที่ตั้ง รูปแบบการให้บริการ และลักษณะการดำเนินงาน การวิเคราะห์ธุรกรรมล่าสุดของเราพบว่า มีกลุ่มราคาที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งสามารถใช้เป็นแนวทางในการกำหนด ตำแหน่งทางกลยุทธ์ของธุรกิจ และ การระบุกลุ่มผู้ซื้อเป้าหมาย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ตามที่แสดงใน ภาพที่ 2 ค่า EBITDA Multiples ของธุรกิจสถานบันเทิงในประเทศไทยสะท้อนให้เห็นถึง ความแตกต่างของมูลค่ากิจการอย่างชัดเจน ตาม ขนาดของธุรกิจและทำเลที่ตั้ง

ตารางที่ 1: การประเมินมูลค่าธุรกิจสถานบันเทิงในประเทศไทยตามรายได้ (Revenue-Based Valuation Multiples) ปี 2568

ค่า Revenue Multiple (ตารางที่ 1) เป็นแนวทางทางเลือกในการประเมินมูลค่ากิจการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจที่มีรายได้ไม่สม่ำเสมอ หรืออยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านทางการดำเนินงาน ช่วงค่าของ Multiple อยู่ระหว่าง 2.5–6.5 เท่าของ EBITDA โดยธุรกิจที่มุ่งเน้นตลาดระดับพรีเมียมและมีฐานลูกค้าขนาดใหญ่ มักจะได้รับการประเมินมูลค่าด้วย Multiple ที่สูงกว่า

กระบวนการขายธุรกิจสถานบันเทิง 6 ขั้นตอน

การทำธุรกรรมขายธุรกิจสถานบันเทิงในประเทศไทยที่ประสบความสำเร็จ มักดำเนินไปตามกระบวนการที่เป็นระบบและขับเคลื่อนด้วยข้อมูล โดยปกติจะใช้ระยะเวลาประมาณ 9 เดือน และต้องอาศัยการดำเนินงานอย่างรอบคอบในแต่ละ 6 ขั้นตอนสำคัญ ซึ่งแต่ละขั้นตอนมีจุดมุ่งหมายเฉพาะในการ เพิ่มมูลค่าของกิจการ และ ลดความเสี่ยงของธุรกรรม ที่ส่งผลโดยตรงต่อ ผลลัพธ์สุดท้ายของการซื้อขายกิจการ

ขั้นตอนที่ 1: การประเมินเชิงกลยุทธ์และการกำหนดตำแหน่งทางการตลาด (ใช้เวลา 4 สัปดาห์)

ระยะเตรียมความพร้อมถือเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่กำหนดความสำเร็จของการทำธุรกรรมในท้ายที่สุด จากการวิเคราะห์ธุรกรรมธุรกิจสถานบันเทิงไทยจำนวน 127 กรณี ระหว่างปี 2565–2568พบว่า ธุรกิจที่ดำเนินการเตรียมความพร้อมอย่างรอบด้านสามารถเพิ่มมูลค่ากิจการได้สูงขึ้น 18–32% เมื่อเทียบกับธุรกิจที่ไม่ได้เตรียมการล่วงหน้า

กิจกรรมหลักในขั้นตอนการเตรียมความพร้อม ได้แก่:

  • การปรับงบการเงินให้เป็นไปตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินของไทย : จัดทำงบการเงินที่สอดคล้องกับมาตรฐาน TFRS พร้อมคำนวณ EBITDA แบบปรับปรุง (Normalized EBITDA) โดยตัดค่าใช้จ่ายส่วนตัวของเจ้าของและรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวออก
  • การจัดทำเอกสารด้านกฎหมายและการปฏิบัติตามข้อกำหนด : เช่น เอกสารจากธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT), สำนักงาน ก.ล.ต. (SEC) และใบรับรอง PDPA
  • วิธีการจัดสรรต้นทุน : แยกค่าธรรมเนียม ต้นทุนผันแปรและคงที่ รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านการตลาดในแต่ละช่องทาง
  • การคัดเลือกที่ปรึกษา : ควรเลือกใช้บริการที่ปรึกษา M&A ที่เชี่ยวชาญด้านธุรกิจสถานบันเทิง เนื่องจากข้อมูลแสดงให้เห็นว่า ที่ปรึกษามืออาชีพสามารถเพิ่มมูลค่าการประเมินได้ 10–30% และเพิ่มโอกาสการปิดดีลสำเร็จได้ถึง สองเท่า

กรณีศึกษา :บาร์รูฟท็อปแห่งหนึ่งในย่านสุขุมวิทที่มีรายได้ต่อปี 35 ล้านบาท สามารถเพิ่มมูลค่าการขายได้ 27% หลังจากดำเนินการตรวจสอบใบอนุญาตสถานบันเทิงอย่างครบถ้วน ปรับงบการเงินที่เคยใช้เงินสดให้เป็นระบบ และติดตั้งระบบ POS ดิจิทัล ความโปร่งใสที่ดีขึ้นนี้ทำให้ค่า EBITDA Multiple เพิ่มจาก 4.2x เป็น 5.3x พร้อมดึงดูดความสนใจจากผู้ซื้อสถาบันมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ขั้นตอนที่ 2: การระบุผู้ซื้อเชิงกลยุทธ์และการขยายการตลาด (ใช้เวลา 8 สัปดาห์)

ระยะนี้เป็นช่วงที่มุ่งสร้าง การแข่งขันเชิงกลยุทธ์ระหว่างผู้ซื้อ ผ่านกระบวนการคัดกรองและพัฒนาเอกสารการตลาดเชิงวิชาชีพอย่างเป็นระบบ โดยทั่วไปกระบวนการนี้จะสร้าง ความสนใจจากผู้ซื้อที่มีคุณสมบัติเหมาะสมจำนวน 3–7 ราย สำหรับกิจการที่อยู่ในตำแหน่งทางการตลาดที่ดี

กิจกรรมสำคัญในขั้นตอนนี้ ได้แก่:

  • การจัดทำสื่อการตลาด : พัฒนาเอกสาร Teaser ระดับมืออาชีพ (1–2 หน้า) และ เอกสารเสนอข้อมูลลับเพื่อการลงทุน (CIM) จำนวน 15–25 หน้า ที่ประกอบด้วยข้อมูลทางธุรกิจและการเงินอย่างครบถ้วน
  • การเข้าถึงผู้ซื้อเชิงกลยุทธ์และผู้ซื้อทางการเงิน
  • การคัดกรองเบื้องต้นและหารือมูลค่าเบื้องต้น
  • การเตรียมนำเสนอข้อมูลแก่ผู้บริหารและจัดตั้ง Virtual Data Room เพื่อให้ผู้ซื้อเข้าถึงข้อมูลอย่างปลอดภัย

กลยุทธ์การแบ่งกลุ่มผู้ซื้อ :

  • ผู้ซื้อเชิงกลยุทธ์ในประเทศ : กลุ่มโรงแรมหรือสถานบันเทิงในประเทศไทยที่ต้องการขยายกิจการในแนวตั้งหรือขยายพื้นที่ทางภูมิศาสตร์
  • ผู้สนับสนุนทางการเงินระหว่างประเทศ : กองทุน Private Equity และ Family Office ที่มุ่งลงทุนในภาคการบริการของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
  • ผู้ประกอบการเชิงกลยุทธ์ต่างชาติ : ผู้ประกอบการจากต่างประเทศที่ต้องการเข้าสู่ตลาดไทยผ่านการเข้าซื้อกิจการ

กรณีศึกษา : คลับริมชายหาดในจังหวัดภูเก็ตที่รองรับแขกได้ 250 คน ได้รับความสนใจจากผู้ซื้อที่มีคุณสมบัติเหมาะสมถึง 9 รายภายในเวลาเพียง 6 สัปดาห์ หลังจากจัดทำเอกสารนำเสนอการขายเชิงวิชาชีพ ซึ่งเน้นจุดแข็งด้าน ใบอนุญาตเปิดบริการถึงตี 4 และ สิทธิ์การใช้พื้นที่ที่เป็นจุดเด่นเชิงพื้นที่ กระบวนการนี้ดึงดูดทั้งกลุ่มผู้ประกอบการโรงแรมในประเทศและนักลงทุนภูมิภาคที่ต้องการขยายพอร์ตโฟลิโอธุรกิจด้านไลฟ์สไตล์

ขั้นตอนที่ 3: การรับข้อเสนอแสดงความสนใจ (IOI) (ใช้เวลา 4 สัปดาห์)

ขั้นตอน IOI เป็นช่วงของการ หารือมูลค่ากิจการเบื้องต้นและคัดกรองผู้ซื้อ โดยปกติแล้วธุรกิจสถานบันเทิงที่มีตำแหน่งทางการตลาดดีจะได้รับข้อเสนอ IOI ประมาณ 3–7 ราย โดยเฉลี่ยผู้ซื้อต่างชาติมักเสนอราคาประเมินที่ สูงกว่าผู้ซื้อในประเทศราว 15–20% โดยเฉพาะกิจการในพื้นที่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต และเกาะสมุย

กรอบการวิเคราะห์ IOI :

  • การวิเคราะห์ช่วงมูลค่า : เปรียบเทียบค่า Multiple กับเกณฑ์มาตรฐานของตลาดและส่วนเพิ่มมูลค่าเชิงกลยุทธ์
  • โครงสร้างธุรกรรมที่ต้องการ : วิเคราะห์ข้อเสนอแบบจ่ายเงินสดเทียบกับแบบ Earn-out และการจัดสรรความเสี่ยงในดีล
  • ความสามารถทางการเงินของผู้ซื้อและกรอบระยะเวลาในการชำระเงิน
  • การตรวจสอบความสอดคล้องกับพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว
    ของผู้ซื้อแต่ละราย

กรณีศึกษา : ซูเปอร์คลับแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ที่มีรายได้ต่อปี 80 ล้านบาท ได้รับข้อเสนอ IOI ที่มีมูลค่าระหว่าง 5.5x ถึง 7.0x EBITDA กลุ่มโรงแรมในประเทศเสนอเงื่อนไขการปิดดีลที่รวดเร็วกว่า ในขณะที่เชนสถานบันเทิงต่างประเทศเสนอ Multiple สูงสุด โดยมีเงื่อนไขให้ผู้บริหารระดับสูงเดิมอยู่ต่อ หลังการพิจารณา เจ้าของกิจการตัดสินใจรับข้อเสนอที่ 6.8x ซึ่งให้ความสมดุลระหว่าง ราคาขายและความมั่นคงของดีล

ขั้นตอนที่ 4: การรับหนังสือแสดงเจตจำนงซื้อกิจการ (LOI) (ใช้เวลา 4 สัปดาห์)

ในขั้นตอนของ LOI จะเป็นการเจรจาเพื่อกำหนด เงื่อนไขสำคัญของธุรกรรม เช่น มูลค่ากิจการ โครงสร้างดีล และเงื่อนไขการปิดการขาย โดยฐานข้อมูลธุรกรรมของเราพบว่า ธุรกิจที่ได้รับข้อเสนอ LOI จากผู้ซื้อหลายรายพร้อมกัน มักได้ราคาพรีเมียมเฉลี่ย สูงกว่า 8–15% เมื่อเทียบกับกรณีที่มีผู้เสนอรายเดียว

กิจกรรมหลักในขั้นตอน LOI ได้แก่:

  • การวิเคราะห์ LOI : ประเมินรายละเอียดด้านราคา โครงสร้างการชำระเงิน เงื่อนไขการจ่ายแบบ Earn-out เงื่อนไขพิเศษ และข้อตกลงการผูกขาดการเจรจา
  • การกำหนดมูลค่าสุดท้ายและโครงสร้างการจ่ายเงิน
  • ขอบเขตการตรวจสอบสถานะ : กำหนดขอบเขตการตรวจสอบด้านเทคโนโลยี การเงิน กฎหมาย และกฎระเบียบ
  • เงื่อนไขทางกฎหมายและข้อกำหนดของหน่วยงานกำกับดูแล : เช่น การขออนุมัติจากธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT) หรือสำนักงาน ก.ล.ต. (SEC) และการจัดการกรณีดีลล้มเหลว
  • การเจรจาข้อเสนอแข่งขัน : ปรับปรุงเงื่อนไขหลักของดีลโดยใช้ประโยชน์จากการแข่งขันระหว่างผู้เสนอหลายราย
  • ข้อตกลงการเจรจาแบบผูกขาดชั่วคราว : มอบสิทธิ์เจรจาเฉพาะแก่ผู้ซื้อที่ได้รับคัดเลือก โดยทั่วไปมีระยะเวลา 30–45 วัน เพื่อดำเนินการตรวจสอบสถานะเชิงลึก

กรณีศึกษา : ไนต์คลับแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ที่อยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ซื้อ 3 ราย ตัดสินใจรับข้อเสนอแบบ ชำระเงินสดเต็มจำนวนที่ 6.4x EBITDA จากกลุ่มธุรกิจบันเทิงไทย แทนข้อเสนอจากผู้ลงทุนต่างชาติที่เสนอ 7.0x แต่มีเงื่อนไขการจ่ายแบบ Earn-out ความแน่นอนของการชำระเงินและกระบวนการอนุมัติตามกฎระเบียบที่ง่ายกว่า ทำให้สามารถปิดดีลได้ภายใน 7 เดือน พร้อมได้ มูลค่าพรีเมียมเพิ่มขึ้น 14% จากการประเมินมูลค่าเริ่มต้น

ขั้นตอนที่ 5: การตรวจสอบสถานะกิจการ (ใช้เวลา 8–12 สัปดาห์)

ขั้นตอนการตรวจสอบสถานะ ถือเป็นช่วงที่มี ความเสี่ยงสูงที่สุดของกระบวนการซื้อขายกิจการ โดยพบว่า 68% ของดีลที่ล้มเหลวในธุรกิจสถานบันเทิง เกิดขึ้นในขั้นตอนนี้ สาเหตุหลักได้แก่ ปัญหาด้านกฎหมายและการปฏิบัติตามข้อบังคับที่ไม่เปิดเผย (41%), ความคลาดเคลื่อนทางการเงิน (27%), และ ข้อบกพร่องด้านการดำเนินงาน (23%)

กิจกรรมสำคัญในขั้นตอนนี้ :
ประกอบด้วยการบริหารจัดการกระบวนการตรวจสอบสถานะอย่างครบวงจร ครอบคลุมด้านการเงิน กฎหมาย เทคโนโลยี และข้อกำหนดตามกฎหมาย พร้อมทั้งการแก้ไขปัญหาที่พบและการเตรียมการเจรจาข้อตกลงการซื้อขาย

ประเด็นหลักในการตรวจสอบ :

  • การตรวจสอบด้านกฎหมายและการปฏิบัติตามข้อบังคับ : ตรวจสอบการโอนสิทธิ์ใบอนุญาตสถานบันเทิง ความถูกต้องตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (FBA) และการปฏิบัติตามข้อกำหนดผังเมือง
  • คุณภาพทางการเงินของรายได้ : ตรวจสอบความถูกต้องของการรับรู้รายได้ การปรับงบค่าใช้จ่ายให้เป็นมาตรฐาน (Cost Normalization) และการวิเคราะห์เงินทุนหมุนเวียน
  • การประเมินการดำเนินงาน : วิเคราะห์การพึ่งพาบุคลากรหลัก การกระจุกตัวของลูกค้า และการประเมินตำแหน่งการแข่งขันในตลาด

กรณีศึกษา : คลับที่มีผู้ถือหุ้นทั้งไทยและต่างชาติในเมืองพัทยา พบปัญหาการไม่สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (FBA) ระหว่างการตรวจสอบสถานะ เนื่องจากสัดส่วนการถือหุ้นต่างชาติเกิน 49% จากที่กฎหมายกำหนด ต่อมาได้ปรับโครงสร้างการถือหุ้นใหม่ให้เป็น สัดส่วนคนไทยถือหุ้นเกินกว่าครึ่งหนึ่ง พร้อมทั้งจัดการเอกสารใบอนุญาตผังเมืองที่ขาดหาย ทำให้สามารถเดินหน้าปิดดีลได้โดย ไม่กระทบต่อมูลค่าประเมินหรือเกิดความล่าช้าอย่างมีนัยสำคัญ

ขั้นตอนที่ 6: การทำสัญญาซื้อขายและการปิดการขาย (ใช้เวลา 4 สัปดาห์)

การเจรจาข้อตกลงขั้นสุดท้าย (Final Agreement) ต้องอาศัยการออกแบบโครงสร้างดีลอย่างรอบคอบ เพื่อให้เกิด ประสิทธิภาพทางภาษีและการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม โดยทั่วไป การซื้อขายธุรกิจสถานบันเทิงในประเทศไทยมักใช้ โครงสร้างการซื้อหุ้น ซึ่งมีอัตราอากรแสตมป์เพียง 0.1% เพื่อประหยัดภาษี แต่ในบางกรณีอาจเลือกใช้ การซื้อทรัพย์สิน ซึ่งต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ 3.3% เพื่อแยกความรับผิดทางกฎหมายออกจากกิจการเดิม

กระบวนการนี้มักใช้เวลาประมาณ 1 เดือน อย่างไรก็ตาม หากมีผู้ซื้อเป็นชาวต่างชาติ อาจต้องใช้เวลานานขึ้นเนื่องจากต้องรอการอนุมัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

กิจกรรมสำคัญในขั้นตอนการปิดการขาย :

  • การปรับราคาสุดท้าย : ตรวจสอบและปรับราคาตามเงินทุนหมุนเวียน และการส่งมอบกิจการในสภาพปลอดหนี้สิน 
  • การระบุเงื่อนไขรับรองและการรับประกัน : ระบุข้อผูกพันพร้อมระยะเวลาการคุ้มครองที่เหมาะสม
  • การจัดการความเสี่ยงและการชดเชย : กำหนดวงเงินชดเชย การวางเงินค้ำประกัน (Escrow) และข้อตกลงคุ้มครองความเสียหาย
  • การวางแผนการเปลี่ยนผ่านหลังการขาย : วางแผนการส่งต่อการบริหารจัดการและการผสานกิจการหลังปิดดีล

กรณีศึกษา : กลุ่มธุรกิจสถานบันเทิงแห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นเจ้าของบาร์ 3 แห่งที่เชื่อมต่อกัน ปิดการขายได้ที่มูลค่า 6.2x EBITDA หลังจากดำเนินการโอนใบอนุญาตและขออนุมัติตามกฎหมายพร้อมกัน ข้อตกลงดังกล่าวมีการกันเงิน 10% ไว้ในบัญชี Escrow เพื่อใช้ตรวจสอบความถูกต้องของใบอนุญาต และสามารถดำเนินการตามเงื่อนไขหลังการขายทั้งหมดได้ครบภายใน 45 วัน

มูลค่าที่วัดได้ของการมีที่ปรึกษา M&A มืออาชีพ

การว่าจ้างที่ปรึกษา M&A มืออาชีพช่วยสร้างมูลค่าที่สามารถวัดผลได้อย่างชัดเจน ผ่านการเพิ่มมูลค่ากิจการ ความรวดเร็วของกระบวนการ และอัตราการปิดดีลที่สูงกว่า การวิเคราะห์ธุรกรรมกว่า 240 รายการ ของเราพบว่า กระบวนการที่ดำเนินการโดยที่ปรึกษามืออาชีพมี อัตราการปิดดีลสำเร็จถึง 80% เมื่อเทียบกับเพียง 40% ของธุรกรรมที่เจ้าของดำเนินการเอง อีกทั้งยังสามารถสร้าง ส่วนเพิ่มมูลค่าการประเมิน ได้ 10–30% โดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 20%

ดังที่แสดงใน ภาพที่ 3 ที่ปรึกษามืออาชีพสามารถสร้าง ประโยชน์หลัก 3 ประการ ให้กับผู้ขายธุรกิจได้อย่างชัดเจน ดังนี้

  • อัตราความสำเร็จสูงกว่า : ธุรกรรมที่ดำเนินการโดยที่ปรึกษา M&A มืออาชีพมีโอกาสสำเร็จมากกว่าสองเท่า (80% เทียบกับ 40%) เนื่องจากมีการเตรียมความพร้อมอย่างรอบคอบ การคัดกรองผู้ซื้อที่มีคุณสมบัติเหมาะสม และการแก้ไขปัญหาเชิงรุกในทุกขั้นตอน
  • ระยะเวลาการปิดดีลที่รวดเร็วกว่า : กระบวนการที่มีโครงสร้างชัดเจนช่วยลดระยะเวลาการปิดดีลได้ประมาณ 25% โดยเฉลี่ยธุรกรรมที่มีที่ปรึกษามืออาชีพใช้เวลาเพียง 8–9 เดือน ในการปิดดีล ขณะที่ธุรกรรมที่เจ้าของดำเนินการเองมักใช้เวลามากกว่า 12 เดือน
  • มูลค่าการขายที่สูงกว่า : ธุรกิจสถานบันเทิงที่ขายผ่านที่ปรึกษามืออาชีพได้รับมูลค่าสูงขึ้น 10–30% (เฉลี่ย 20% Premium) ซึ่งแปลงเป็นรายได้เพิ่มขึ้น หลายล้านบาท สำหรับเจ้าของกิจการ

Max Solutions มีความโดดเด่นในด้านการให้บริการแบบบูรณาการ โดยผสานความเชี่ยวชาญด้าน M&A เข้ากับความชำนาญเฉพาะทางด้านกฎหมายและบัญชี ผ่านความร่วมมือกับ สำนักงานถนอมศักดิ์ทนายความและการบัญชี ซึ่งมีประสบการณ์มากกว่า 50 ปี ในการให้คำปรึกษากฎหมายธุรกิจไทยสำหรับธุรกรรมที่ซับซ้อน

โมเดลการให้บริการแบบบูรณาการนี้มีข้อได้เปรียบหลายประการ ได้แก่:

  • ความเชี่ยวชาญด้านกฎระเบียบของประเทศไทยอย่างลึกซึ้ง ครอบคลุมการดำเนินการตาม พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (FBA), พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) และการวางแผน โครงสร้างภาษีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด
  • เครือข่ายผู้ซื้อที่ครอบคลุมทั้งในประเทศและต่างประเทศ ครอบคลุมกลุ่มนักลงทุนเชิงกลยุทธ์และผู้ลงทุนทางการเงิน
  • การออกแบบโครงสร้างดีลอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ได้ผลตอบแทนหลังหักภาษีสูงสุด

การบริหารจัดการธุรกรรมแบบครบวงจร (End-to-End Transaction Management) ตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมการจนถึงการปิดดีลอย่างสมบูรณ์

บทสรุป

ภาคธุรกิจสถานบันเทิงของประเทศไทยยังคงเป็นตลาดที่น่าสนใจสำหรับผู้ประกอบการที่เตรียมความพร้อมดีและต้องการวางกลยุทธ์การออกจากธุรกิจ อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่คาดไว้ 5% และการปฏิรูปกฎระเบียบที่เอื้อต่อการขยายเวลาเปิดทำการ ทำให้ตลาดนี้มีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง เหมาะแก่การรวมกิจการเชิงกลยุทธ์และการดึงดูดนักลงทุนใหม่ (Tourism Authority of Thailand, 2024) อย่างไรก็ตาม ความซับซ้อนของกฎระเบียบ โดยเฉพาะตาม พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว และ พระราชบัญญัติสถานบริการ ทำให้การเตรียมความพร้อมด้านการปฏิบัติตามกฎหมาย (Compliance) อย่างละเอียดเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อรักษาความถูกต้องของการประเมินมูลค่าและความมั่นคงของธุรกรรม

ผลการวิเคราะห์ของเราพบว่า ธุรกรรมสถานบันเทิงที่ดำเนินการโดยที่ปรึกษามืออาชีพสามารถให้ผลลัพธ์ที่เหนือกว่าเจ้าของดำเนินการเองอย่างต่อเนื่อง โดยสร้างมูลค่าเพิ่มขึ้น 20–30%, ปิดดีลได้เร็วกว่า และมีอัตราความสำเร็จเกินกว่า 90% เมื่อพิจารณาถึงความเสี่ยงที่ดีลอาจล้มเหลวจากการไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบ การใช้ที่ปรึกษามืออาชีพจึงไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็นสิ่งจำเป็นในการเพิ่มมูลค่าธุรกิจให้สูงสุด แพลตฟอร์มที่ปรึกษาแบบบูรณาการของ Max Solutions ซึ่งผสานความเชี่ยวชาญด้าน M&A เข้ากับความเชี่ยวชาญทางกฎหมายของ สำนักงานถนอมศักดิ์ทนายความและการบัญชี และการปรับโครงสร้างทางบัญชีอย่างเหมาะสม ช่วยให้ผู้ขายสามารถบรรลุมูลค่ากิจการในระดับพรีเมียม พร้อมมั่นใจในการดำเนินการภายใต้กรอบกฎหมายไทย ด้วยการปฏิบัติตามกระบวนการ 6 ขั้นตอน ที่เป็นระบบ และการมีที่ปรึกษาเฉพาะทางตั้งแต่ต้น ผู้ประกอบการธุรกิจสถานบันเทิงสามารถเพิ่มผลตอบแทนจากการขายกิจการ และปิดดีลได้อย่างประสบความสำเร็จในหนึ่งในอุตสาหกรรมบริการที่มีการเติบโตและการแข่งขันสูงที่สุดของประเทศไทย

คำถามที่พบบ่อย

ถาม: อะไรคือปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจสถานบันเทิงมีความซับซ้อนเป็นพิเศษในการทำธุรกรรม M&A?
ตอบ: ธุรกิจสถานบันเทิงในประเทศไทยต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายเฉพาะหลายประการ เช่น การขอและต่ออายุ ใบอนุญาตสถานบริการ, การจำกัดสัดส่วนการถือหุ้นตาม พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (ซึ่งกำหนดให้คนไทยต้องถือหุ้นไม่น้อยกว่า 51%), และข้อบังคับด้าน การใช้พื้นที่ตามผังเมือง นอกจากนี้ ธุรกิจที่มีการรับเงินสดจำนวนมากจำเป็นต้องมีการจัดทำงบการเงินที่ผ่านการปรับปรุง (Financial Normalization) อย่างรอบคอบ เพื่อสะท้อนค่า EBITDA ที่แท้จริงให้กับผู้ซื้อได้อย่างถูกต้อง

ถาม: ผู้ซื้อชาวต่างชาติจัดโครงสร้างการเข้าซื้อกิจการอย่างไรภายใต้ข้อจำกัดด้านสัดส่วนการถือหุ้น?
ตอบ: โดยทั่วไป ผู้ซื้อชาวต่างชาติมักใช้รูปแบบการถือหุ้นผ่าน ผู้ถือหุ้นตัวแทนคนไทย, การจัดตั้ง กิจการร่วมค้า หรือ ข้อตกลงการบริหารจัดการ เพื่อให้สามารถควบคุมการดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ การออกแบบโครงสร้างที่ถูกต้องโดยอาศัย ที่ปรึกษากฎหมายที่มีประสบการณ์ เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกลดมูลค่าธุรกิจลง 10–15% จากความเสี่ยงด้านการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย

ถาม: การปรับปรุงด้านการดำเนินงานแบบใดที่ส่งผลต่อการเพิ่มมูลค่าธุรกิจมากที่สุด?
ตอบ: การติดตั้งระบบ POS แบบบูรณาการ, การรักษาอัตราต้นทุนหลัก ให้น้อยกว่า 60%, และการจัดทำงบการเงินที่เป็นไปตามมาตรฐาน TFRS ถือเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุด (ROI สูงสุด) การปรับปรุงเหล่านี้สามารถเพิ่มค่า EBITDA Multiple ได้ 0.5–1.0 เท่า หรือเพิ่มมูลค่าธุรกิจโดยรวมได้ประมาณ 15–25%

ถาม: เหตุใดธุรกรรมของธุรกิจสถานบันเทิงถึงล้มเหลวถึง 68% ในขั้นตอนการตรวจสอบสถานะ?
ตอบ: สาเหตุหลักของความล้มเหลวเกิดจาก ปัญหาด้านการปฏิบัติตามกฎหมายที่ไม่ได้เปิดเผย, ข้อบกพร่องของงบการเงิน, และ การพึ่งพาบุคลากรสำคัญมากเกินไป การมีที่ปรึกษามืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายจะช่วยลดความเสี่ยงเหล่านี้ได้อย่างมาก ผ่านการระบุปัญหาเชิงรุกและการแก้ไขก่อนเกิดผลกระทบ
ถาม: วิธีการแบบบูรณาการของ Max Solutions แตกต่างจากที่ปรึกษา M&A ทั่วไปอย่างไร?
ตอบ: ความร่วมมือระหว่าง Max Solutions และ สำนักงานถนอมศักดิ์ทนายความและการบัญชี ช่วยให้การให้บริการด้าน กฎหมาย ภาษี และธุรกรรม ดำเนินไปอย่างครบวงจรภายใต้แพลตฟอร์มเดียว ลดความซ้ำซ้อนในการประสานงาน เพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติตามกฎระเบียบ และสามารถ ลดระยะเวลาดำเนินการลงได้ 25–30% พร้อมยังคงอัตราความสำเร็จของการปิดดีลในระดับสูง

เอกสารอ้างอิง

Entertainment Complex Act. (2023). Thai entertainment venue regulations and licensing requirements. Royal Gazette. https://www.ratchakitcha.soc.go.th

Hospitality M&A Database. (2024). Southeast Asian hospitality transaction analysis 2020-2024. Bangkok: Regional M&A Analytics.

Ministry of Tourism and Sports. (2024). Thailand tourism and hospitality sector statistics 2024. Government Publishing Office. https://www.mots.go.th

Thailand Board of Investment. (2024). Foreign investment guidelines for service sector businesses. https://www.boi.go.thTourism Authority of Thailand. (2024). Thailand tourism revenue projections and market analysis. TAT Intelligence Center. https://www.tourismthailand.org

Scroll to Top